ART SG 2023 | Booth FC19

SAC Gallery is proud to present curated works from 4 artists For Art SG 2023 in the exhibition titled, “Part of All”, with the common point to discuss and embrace diversity, whether it is in traditions, cultures, or beliefs, through various techniques. 

Kanchalee Ngamdamronk has developed the process of creating textile works using natural materials as well as repurposed materials like plastic bags from factories. She expands the possibilities of the two-dimensional plane through colorful mixed-media works, such as plastic strips that are woven and stitched together, combined with the artist’s unique sense of colour. For the Polychrome series, Ngamdamronk has worked with Lisu tribe, from the north of Thailand and introduced materials that are unconventional to them, such as plastic, to be used in creating the unique pattern of the tribe. In doing so, she’s able to co-create new patterns that open up new potentials for the villagers. 

In addition to Kanchalee, another artist who is committed to work with textiles is Thidarat Chantachua. She tells her experience of feeling like an ‘outsider’ among people with different religions in the big city. The days she spends creating art made her realise that she is a part of a bigger, global community. Violent incidents arising from intolerance of religious differences have affected her and other Muslims as well, no matter in what country. It is certain that war, whether triggered by religion or political ideology, affects the ways, practices, and beliefs of all people. Thidarat’s work uses threads to connect from one small point to another on the same fabric that is used for the Hijab and Abaya of Muslim women. Connecting these points with multi-colored threads creates works that connect her to the art world, and enable her to share her beliefs as a Muslim female artist. For Art SG 2023, Chantachua presents for the first time interactive video art that brings unique patterns in the traditional Islamic art style combined with AR technology for viewers to scan with their phones and immersed in her works in animated form through the screens in their hands.

Vacharanont Sinvaravatn is interested in the history surrounding the Cold War time and the effect it had from the Thai perspective, which still leaves traces of the colonial period that divided us. On both sides of the Mekong delta, people once shared a common way of life and beliefs, but as a result of the war, the people began to cultivate ‘otherness’ and eventually became divided. Three paintings depicting mountains along the banks of the Mekong River seen from Thailand and Laos sides, which are arranged in a row, are conveyed through brushes and earth-tone oil paintings. They are not simply landscape paintings, but they are records of looking back on history through critical eyes of today’s generation.

Although the past is something that cannot be reversed, Kitikong Tilokwattanotai conveys hopes to be a part of a better world than yesterday. He’s created works by pasting different colors of paper on canvas and then coating them with hundred layers of lacquer to make them shine, resulting in eye-catching abstract works. He encourages us to consider that when we do not only think about ourselves but rather as a part of the society, a good society as a whole will allow us and our loved ones to have a good quality of life accordingly.

The 4 artists’ works share common points in the way they look at traditions and history as ways to guide all of us into the future, without shying away from making changes and embracing differences. SAC Gallery hopes that this will give a glimpse into what Thai contemporary artists of this generation are interested in, and hope that everyone can learn more about our culture through more Thai artists in the future. 

ศิลปิน: ธิดารัตน์ จันทเชื้อ, กรรณชลี งามดำรงค์, วัชรนนท์ สินวราวัฒน์ และกิติก้อง ติลกวัฒโนทัย

ชื่อนิทรรศการ: ส่วนหนึ่ง-ส่วนใหญ่
สถานที่: Marina Bay Sands Expo & Convention Centre ประเทศสิงคโปร์
ระยะเวลา: 12-15 มกราคม พ.ศ. 2566

การตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของความหลากหลาย รวมทั้งการยอมรับในความแตกต่างเป็นเรื่องที่ปัจจุบันถูกยกมาเป็นหัวข้อสนทนาของโลกศิลปะร่วมสมัยในแง่การทำความเข้าใจ มิใช่การผลักออกไปให้เป็นอื่น เอส เอ ซี แกลเลอรี (SAC Gallery) จึงคัดสรรผลงานจากศิลปิน 4 ท่าน มาจัดแสดงภายใต้นิทรรศการ “ส่วนหนึ่ง-ส่วนใหญ่” ที่มีจุดร่วมคือการมองเห็นความแตกต่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นขนบวิถี วัฒนธรรม ตลอดจนสิ่งที่ยึดถือเป็นความเชื่อ โดยเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านผลงานศิลปะที่เต็มไปด้วยความแตกต่างของเทคนิคตามวิถีการสร้างสรรค์ผลงานของตน

กรรณชลี งามดำรงค์ ได้พัฒนากระบวนการสร้างผลงาน textile จากที่เคยใช้วัสดุธรรมชาติ มาเป็นวัสดุเหลือใช้จากโรงงานผลิตถุงพลาสติก เธอขยายขอบเขตความเป็นไปได้ของผลลัพธ์จากงานสองมิติบนผืนระนาบ ออกมาเป็นงานสื่อผสมอันเปี่ยมไปด้วยสีสัน เส้นพลาสติกที่ถูกผูกถักและเย็บเข้าด้วยกันประกอบกับการเลือกจับคู่ชุดสีด้วยสายตาศิลปิน งานของเธอจึงเปี่ยมด้วยความเป็นคัลเลอร์ฟิลด์ (color filed) เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของความหลากหลาย นอกจากพัฒนาการของผลงานแล้วเธอยังขยายขอบเขตกระบวนการไปทำงานร่วมกับชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงใหม่โดยการนำวัสดุที่พวกเขาไม่คุ้นเคยอย่างผืนพลาสติก มาผ่านกระบวนการเย็บเป็นแพทเทิร์นอันเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี แล้วนำผลงานที่ได้ไปต่อยอดกับชาวบ้านในจังหวัดลำพูนที่ผลิตหมอนปล่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผูกพันกับชีวิตประจำวันของชาวบ้าน การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งและรับส่วนหนึ่งเข้ามาจึงเป็นพัฒนาการสำคัญในงานชุด Polychrome ของเธอ

นอกจากกรรณชลี ศิลปินที่มีผลงานด้าน textile อย่างต่อเนื่อง ธิดารัตน์ จันทเชื้อ ก็บอกเล่าประสบการณ์ของความเป็น ‘คนนอก’ ที่อยู่ท่ามกลางผู้คนต่างศาสนาในเมืองใหญ่ วันเวลาที่เธอใช้ไปกับการสร้างสรรค์งานศิลปะ ทำให้พบว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นส่วนหนึ่งของชาวมุสลิมซึ่งอาศัยอยู่ทั่วโลกและเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการไม่ยอมรับความต่างของศาสนา ไม่ว่าจะในประเทศไหนก็ตามนั้นส่งผลกระทบถึงเธอและชาวมุสลิมอื่นๆ เช่นกัน แน่นอนว่าสงคราม ไม่ว่าจะมีชนวนจากศาสนา หรืออุดมการณ์ทางการเมืองล้วนมีผลต่อวิถี แนวปฏิบัติ และความเชื่อของผู้คนทั้งสิ้น ผลงานของธิดารัตน์ใช้เส้นด้ายเชื่อมจากจุดเล็กๆ จุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง บนผืนผ้าชนิดเดียวกับที่ใช้ทำฮิญาบคลุมผมและอบาย่าของหญิงมุสลิม การเชื่อมต่อของจุดเหล่านั้นด้วยเส้นด้ายหลากสีเกิดเป็นผลงานที่เชื่อมเธอเข้ากับโลกศิลปะด้วยอัตลักษณ์ความเป็นมุสลิม ความพิเศษในการแสดงงานที่สิงคโปร์ครั้งนี้ของเธอคือการได้นำผลงาน Interactive video art สู่สายตาผู้ชมเป็นครั้งแรก ธิดารัตน์ได้นำลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์แนว Islamic art ดั้งเดิมผสานเข้ากับเทคโนโลยี AR ให้ผู้ชมได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแสกน และได้เสพย์ผลงานเธอในรูปแบบภาพเคลื่อนไหวผ่านหน้าจอในมือ

วัชรนนท์ สินวราวัฒน์ ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามเย็น ที่ยังทิ้งร่องรอยจากยุคอาณานิคมที่แบ่งเครือญาติชาติพันธุ์ออกจากกัน สองฟากฝั่งของแม่น้ำโขงซึ่งครั้งหนึ่งผู้คนเคยได้มีวิถีชีวิตและความเชื่อเป็นรูปแบบเดียวกัน แต่ผลพวงจากสงครามทำให้มนุษย์ปลูกฝังความเป็นอื่น และแบ่งแยกกันในที่สุด จิตรกรรมภาพทิวเขาริมฝั่งน้ำโขงที่ถ่ายทอดผ่านทีแปรงและสีน้ำมันเอิธ์ทโทน ทั้งสามชิ้นที่เรียงต่อกันได้พอดี จึงไม่ใช่เพียงภาพทิวทัศน์หากแต่เป็นบันทึกของการมองย้อนประวัติศาสตร์ด้วยสายตาของคนที่เห็นความเป็นส่วนหนึ่งจากปัจจุบัน

แม้ว่าอดีตจะเป็นสิ่งที่ไร้หนทางจะย้อนกลับไปแก้ไข กิติก้อง ติลกวัฒโนทัย ได้ถ่ายทอดความหวังและการเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ดีกว่าวันวาน เขาสร้างสรรค์ผลงานจากเทคนิคการปะติดกระดาษสีสันต่างๆ บนผ้าใบแล้วเคลือบไว้ด้วยแลคเกอร์ให้ความแวววาวเมื่อต้องแสง เกิดเป็นผลงานนามธรรมแสนสะดุดตา ชวนคำนึงว่าการที่เราไม่ได้นึกถึงแต่เรื่องของตัวเอง หากแต่มองว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและภาพรวมของสังคมที่ดีจะทำให้ตัวเราและคนที่รัก ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย

การคัดสรรศิลปินทั้ง 4 คนมานำเสนอต่อผู้ชมเรือนหมื่นใน ART SG 2023 ครั้งนี้จึงเป็นดั่งอีกหนึ่งหมุดหมายในการเชื่อมต่อแนวคิดของการดำรงอยู่ในฐานะส่วนหนึ่งของสังคมและคาดหวังอย่างยิ่งว่าจะได้เกิดบทสนทนาผ่านจิตรกรรมสีน้ำมัน, งานคอลลาจเคลือบแลคเกอร์, พลาสติกที่ถูกผสานไว้รวมกันไปจนถึงเส้นด้ายที่ถูกปักอย่างประณีตบนผืนผ้าและวิดิโอที่ชวนให้ผู้ชมเข้ามาเป็นดั่งส่วนหนึ่งที่ทำให้งานสื่อสารออกไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ART SG FILM 

Taiki Sakpisit is a promising Thai artist whose work explores the tensions and conflicts of contemporary Thailand through moving images, experimental videos, and short and feature-length films. His formalist approach emphasises technical aspects, stylistic editing strategies, and disorienting interplays of sound and image, including bold cuts, extreme close-ups, slow dissolves, ambient noise, and musique concrète. These meticulous practices create evocative and everyday images that draw attention to the splendour of the ordinary and can elicit the senses and trigger out-of-body experiences in the viewer. Sakpisit’s work is marked by a sense of anticipation and tension, regardless of the apparent subject matter. 

In January 2023, A Certain Illness Dificult to Name (2018) by Taiki Sakpisit will be featured in the ART SG FILM, a showcase of new film-making practice from around Southeast Asia and Asia Pacific region. Explore Singapore’s states of transition through the poetic and meditative lens of Sakpisit’s experimental film that captures the mysterious malaise of a spiritual quest. The film bears the viewers away to different landscapes and linger on enigmatic frames that highlight different layers of emotional intensity. Through the lens of an individual’s point of view, this film makes the audience stop, experience, challenge and confront the viewers’ modes of spectatorship, leading them to explore trauma and violence upon the process of nation building in Singapore and Thailand and the indelible stain it has left. With its immersive atmosphere and impactful use of sound, music, and editing, this film is not to be missed.

ART SG NEW / NOW 

Kanchalee Ngamdamronk is a Thai artist based in Chiang Mai, north of Thailand. After receiving her degree in textiles design in London, she took an apprenticeship in Japan where she began further exploration on natural colours and shibori tie-dye. In her latest development and new series titled Polychrome, she revisits her passion for weaving, by repurposing leftover plastics from factories such as polyethylene and vinyl, and mixes them with paper or canvas. She often manipulates surfaces to reveal geometrical forms that sometimes bring uniformity in her works, and sometimes organised chaos. 

In the New / Now presentation at Art SG 2023, Ngamdamronk presents her work titled, Undercurrent, 2021; a square light box that is covered by a sheet of woven plastics. This piece, among other works within the Polychrome series, was conceived as a result of Ngamdamronk’s collaboration with a hill tribe villager named “Dee-dee” in the northern region of Thailand, close to her studio. As each tribe represents themselves through particular patterns on their woven clothes, young people from the tribes find themselves trapped in traditions and are unable to develop or evolve beyond what was passed down to them from generation to generation. In working with Dee-dee, and by introducing unconventional materials like polyethylene to them, Ngamdamronk was able to co-create new patterns based on the traditional design of Lisu tribe’s pattern that at once pay homage to their traditions, but also enabling the young villager the freedom to express their creativity together with her. The work can be viewed in two ways: as it is without the light, to show the colours and pattern identifiable to Lisu tribe’s traditional costumes; or with the backlight on to show the new patterns and silhouette of folding parts, reminiscent of origami.

Ngamdamronk continues to work with local crafts communities across Thailand, to interact and encourage them to respect traditions while also appreciating growth and changes so that local cultures and knowledge can stay relevant and alive. 

Hashtag: #SACArtFair