OPEN HOURS:
Tuesday - Saturday 11AM - 6PM
Close on Sunday, Monday and Pubilc Holidays
For more information: info@sac.gallery
Life is more than being born, decaying, and dying. Life is about finding happiness in the midst of the suffering; to make meaning from that which has no point. This can culminate in the form of a projection that can result from the fruits of the karmic seeds that we plant. In Buddhism this is referred to in the teachings of “vipaka” and “sankhara”; the maturation of that which has been brought together… the creation of our own reality. Unfortunately the creation of realities has led many of us astray.
In the modern era, the social difference between how our Thai society is now and how it was in the past is clear and obvious. A lot of this could be connected to the fast rise in technology that has been offering an unparalleled world of convenience for us all. Whether it is the car, air-conditioning, tv, phone, or any other tech in our daily lives, they are helpful and soften our complicated experience with life. But everything has a cost. Many people try to have it all, even if that means risking their spiritual freedom whilst promoting these material satisfactions. This is a major point.
What is being mentioned here is important when Uttaporn creates artwork; to reflect the mental turmoil that is caused from suffering from desire.
“ตาฝาด: Reality as it isn’t” is the solo exhibition by Uttaporn Nimmalaikaew at SAC Gallery which has taken the artist 2 years to complete. Uttaporn’s art pieces explore the nature of vulnerability with the disconnection of desire, and draw a connection to this behavior which results in a confusing presence that emanates distress and detachment.
As problems arise in life, we tend to engage our emotions too often when attempting to communicate our thoughts. We experience this repeatedly year after year and we’ve yet to find the best way to minimize the vulnerability that is exposed by our feelings. Our attachments and our cravings, our conditions and our clinging; all of them lead to our suffering. Modern society is steadily vulnerable in relation to the suffering that life’s challenges present.
Our social fidelity to our ambitions gives us something that offers qualities of real perception, though ultimately insubstantial and misleading. Desires can be intense and involve distorted, misinterpreted real perceptions that tend to cloud our mind and judgment. Our motives prioritize visual illusions and our mind constructs a world based on what it is inspecting from the surroundings. Quite often it will try to fill in the gaps, attempting to organize this information in the best way it can. But, it isn’t always successfully grasped through the chaotic mind. Nowadays, People are especially susceptible to illusions as we surrender our daily lives to technology more and more. Though illusions cannot be touched, nor controlled, humans are fascinated by illusion, as they cling to stay ever connected to the external world.
There is meditation on these pieces that can pause the stress from these desires and to contemplate the delicate layers we possess in our own lives as well. Cannot all our suffering be minimized should we all promote a higher quality in our inner worlds instead?
Uttaporn’s artwork is a hallucinating collection of various layers of fine, interwoven fabric that sit suspended in an exceptional 3-dimensional configuration. Each piece is painted and printed, shaped and layered to emanate an illusion of our mental chaos. As in previous exhibitions, the figures in his work are based around members of his family; in this case those who share his external struggle with life’s uncertainty. This struggle with confusion and perceptual importance in life’s situations is displayed through the structure of these works. The works’ airy nature leaves space and gaps for contemplation on finding a common sense between the audience and the artist. These realizations disseminated through the work are connected to the teachings of the Lord Buddha. Should the various changes of society today be consciously understood, they could create a balance in the future mind. The teachings of Buddhism are very meaningful and important to the life of Uttaporn.
The exhibition “ตาฝาด: Reality as it isn’t” will be held on the first floor of Art Centre Bldg., SAC Gallery from 20 July until 15 September 2019. The official opening ceremony will be held on 20 July 2019, 6:00PM onwards.
Hashtag: #SACUttaporn
ชีวิตเป็นมากกว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ชีวิตเป็นเรื่องของการหาความสุขท่ามกลางความทุกข์ เป็นเรื่องของการสร้างความหมายจากสิ่งที่ไร้แก่นสาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในท้ายที่สุดจะเผล็ดผลให้เห็นจากเมล็ดพันธุ์ของกรรมที่เราได้เพาะไว้ด้วยการกระทำของเรา เรื่องเหล่านี้มีอยู่ในคำสอนทางพุทธศาสนา ในเรื่องของหลักกรรมวิบาก และสังขาร เมื่อถึงเวลาที่วิบากกรรมต่างๆได้ผลิดอกออกผล… ประสานตัวก่อเกิดเป็นโลกแห่งสมมติที่ความปรุงแต่งของเราสร้างขึ้นมา แต่โชคร้ายที่สมมติสัจจะที่มนุษย์เราได้ปรุงแต่งขึ้นมานั้น ได้นำพาเราหลงผิดไป
ในยุคปัจจุบัน ความแตกต่างทางสังคมระหว่างสังคมไทยในปัจจุบันกับในอดีตมีความแตกต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัด อันเป็นผลกระทบมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้มอบโลกแห่งความสะดวกสบายที่ไม่มีใดเทียมแก่เราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ ทีวี โทรศัพท์ หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตของเราราบรื่นขึ้น อย่างไรก็ดี ทุกอย่างย่อมมีสิ่งแลกเปลี่ยน ได้อย่างก็เสียอย่าง เมื่อผู้คนคนพยายามที่จะมีทุกอย่าง แม้ว่าจะหมายถึง การเสี่ยงต่อการสูญเสียอิสรภาพทางวิญญาณของพวกเขาในช่วงที่เสพความพึงพอใจต่อวัตถุเหล่านั้น และนี่คือจุดสำคัญยิ่ง
ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ถือเป็นที่มาและสาระสำคัญในการสร้างสรรค์งานของศิลปิน อัฐพร นิมมาลัยแก้ว เพื่อสะท้อนถึงความวุ่นวายทางจิตใจอันเกิดจากความทุกข์ ที่มีรากเหง้ามาจากความอยากหรือตัณหานั่นเอง
“ตาฝาด: Reality as it isn’t” เป็นนิทรรศการแสดงเดี่ยว โดย อัฐพร นิมมาลัยแก้ว ณ เอส เอ ซี แกลเลอรี ซึ่งศิลปินใช้เวลาถึง 2 ปีในการสร้างสรรค์ผลงาน ผลงานของอัฐพรได้สำรวจธรรมชาติของจิตใจที่อ่อนไหวต่อการตัดขาดจากตัณหาและโยงไปถึงพฤติกรรมอันก่อให้เกิดความสับสนของตัวตน รวมถึงการเกิดทุกข์และการปล่อยวาง
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในชีวิต คนเรามักจะใส่อารมณ์ไปในการสื่อสารกับความคิดของเราเอง เราได้ประสบกับเรื่องเหล่านี้มาตลอดแต่เราก็ไม่สามารถที่จะลดทอนความอ่อนไหวที่มีผลมาจากอารมณ์ความรู้สึกของเราได้ ความยึดมั่นถือมั่น ความอยาก เงื่อนไข ความยึดติดของเรา มันได้พาเราเผชิญต่อความทุกข์ สังคมสมัยใหม่นั้นมีความอ่อนไหวอย่างมากและสัมพันธ์ไปกับความทุกข์ที่ชีวิตได้เผชิญอย่างท้าทายอยู่ในปัจจุบัน
จากความยึดติดกับสังคมภายนอกไปจนถึงความทะยานอยากที่อยู่ภายในของคนเรา ได้หยิบยื่นคุณลักษณะบางอย่างต่อการรับรู้สัมผัสที่แท้จริง ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุด มันจะเป็นเรื่องที่ไม่มีแก่นสารสาระ อีกทั้งยังทำให้เกิดการหลงผิด ความอยากอาจทวีความรุนแรงและนำพาให้เกิดการเห็นผิด คิดผิด และตีความผิดๆต่อสิ่งที่เห็น มันมักเกิดจากสภาวะอันเหมือนเมฆหมอกมาปกคลุมจิตและการตัดสินใจของเราต่อสิ่งต่างๆ แรงจูงใจของเราได้สร้างภาพมายาขึ้น อีกทั้งจิตใจของเราก็ปรุงแต่งโลกมายาที่เกิดจากกระบวนการตรวจสอบและปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบตัว ซึ่งโดยมากแล้ว จิตใจของเราพยายามที่จะเติมบางสิ่งลงในช่องว่าง เพื่อที่จะตีความหรือจัดการชุดข้อมูลหนึ่งๆในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่เสมอไปทุกครั้ง ที่จะประสบความสำเร็จเช่นนั้นกับการจัดการกับจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ในปัจจุบัน ผู้คนนั้นไวต่อมายาต่างๆ จากการที่เราได้ยอมตกเป็นทาสของเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่ามายาต่างๆ เหล่านั้นเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้หรือไม่สามารถควบคุมได้ มนุษย์เราก็ยังหลงใหลได้ปลื้มไปกับมายาเหล่านั้น เพราะเราได้ยึดมั่นกับการติดต่อกับโลกภายนอก
อย่างไรก็ดี ในผลงานชุดนี้เป็นเสมือนการทำสมาธิที่ทำให้เราได้หยุดพักจากสภาวะตึงเครียดจากกิเลสตัณหา ให้เราได้เพ่งพิจพิจารณาถึงเมฆหมอกของกิเลสต่างๆ ที่ปกคลุมจิตใจและชีวิตของเราได้ ในเมื่อมีทางที่เราสามารถบำบัดความทุกข์ในชีวิตลงได้ ควรหรือไม่ที่เราจะพัฒนาโลกภายในของเราให้สูงขึ้น
ผลงานของอัฐพร เกิดจาการผสานผ้าเนื้อละเอียดและสิ่งทออันประณีตต่างๆ หลากหลายชั้น เพื่อให้เกิดสภาวะลวงตาต่อประสาทการรับรู้ของเรา ด้วยการประกอบกันขึ้นมาเป็นรูปสามมิติ โดยที่ผ้าแต่ละชั้นได้ถูกวาดและพิมพ์ภาพลงไป อีกทั้งมีการวางรูปทรงและระดับชั้นของผ้าให้ซ้อนกันและมีระยะห่างอย่างพอเหมาะ เพื่อให้เกิดภาพมายาที่สื่อถึงจิตใจอันฟุ้งซ่านของคนเรา เมื่อมองย้อนไปในนิทรรศการที่ผ่านมาของศิลปิน ภาพคนในงานนั้นมาจากสมาชิกในครอบครัวของเขาเอง แต่มาในงานชุดนี้ เนื้อหาได้ถูกขยายความไปถึงผู้คนร่วมโลกที่มีสภาวะและประสบการณ์เหมือนกันในเรื่องการต่อสู้ดิ้นรนกับโลกภายนอกจากความไม่แน่นอนของชีวิต การต่อสู้ดิ้นรนดังกล่าวที่มาพร้อมกับเรื่องของความสับสนและสาระสำคัญของการรับรู้สัมผัสต่อสถานการณ์ต่างๆในชีวิต ได้ถูกนำเสนอผ่านโครงสร้างที่มีการซ้อนเหลื่อมของผ้าแต่ละชั้นในผลงานชุดนี้ ผลงานที่โปร่งเสมือนมีอากาศไหลเวียนด้วยธรรมชาติของวัสดุผ้าที่เบาบางและการจัดวางระยะห่างของชั้นผ้าอย่างพอเหมาะ โดยให้มีพื้นที่ว่างและอากาศที่ส่งผลต่อการกำหนดรู้ถึงสามัญสำนึกระหว่างคนดูกับศิลปิน ความสำนึกรู้ที่กระจายตัวอยู่ในงานนั้น มีความเชื่อมโยงกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในแง่ที่ว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของสังคมในปัจจุบัน ควรได้รับการตระหนักถึง เพื่อที่ผู้คนจะได้เสริมสร้างความสมดุลในจิตใจของพวกเขาได้ ทั้งนี้ คำสอนในทางพุทธศาสนามีความสำคัญต่อชีวิตและงานสร้างสรรค์ของอัฐพรเป็นอย่างมาก
นิทรรศการ “ตาฝาด: Reality as it isn’t” จัดแสดงระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม - 15 กันยายน พ.ศ. 2562 ณ ชั้น 1 อาคารหอศิลป์ (ตึกใหญ่) เอส เอ ซี แกลเลอรี (SAC Gallery) โดยมีพิธีเปิดนิทรรศการในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ตั้งแต่เวลา 18:00 น. เป็นต้นไป
Tuesday - Saturday 11AM - 6PM
Close on Sunday, Monday and Pubilc Holidays
For more information: info@sac.gallery
092-455-6294 (Natruja)
092-669-2949 (Danish)
160/3 Sukhumvit 39, Klongton Nuea, Watthana, Bangkok 10110 THAILAND
This website uses cookies
This site uses cookies to help make it more useful to you. Please contact us to find out more about our Cookie Policy.
* denotes required fields
We will process the personal data you have supplied in accordance with our privacy policy (available on request). You can unsubscribe or change your preferences at any time by clicking the link in our emails.